วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ขั้นตอนการออกแบบเทคโนโลยี
1. ประโยชน์และผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
เราสามารถนำเครื่องใช้ที่ได้จากเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนี้ค่ะ
1. ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน เช่น
- ใช้รถบรรทุกดินมาถมที่ เพื่อสร้างอาคารบ้านเรือน หรือที่อยู่อาศัย
- ใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีในการผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มให้ได้ครั้งละมาก ๆ โดยใช้เวลาน้อยลง
- ใช้เทคโนโลยีในการผลิตอาหารให้ได้ครั้งละมาก ๆ และเก็บไว้ได้นาน ๆ
- นำเทคโนโลยีและกระบวนการทางเทคโนโลยีมาใช้ในการรักษาโรคให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
2. ทำให้มีความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน เช่น
- ขับรถยนต์ไปทำงานหรือไปที่ต่าง ๆ
- ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น
- ใช้คอมพิวเตอร์ในการค้นหาข้อมูลเรื่องที่ต้องการทราบ
- ใช้เครื่องซักผ้าแทนการซักผ้าด้วยมือ
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นแทนการกวาดพื้นด้วยไม้กวาด
ตัวอย่าง ผลกระทบการใช้เทคโนโลยี
การใช้เทคโนโลยีจะช่วยให้การดำรงชีวิตของคนเราสะดวกสบายมากขึ้น แต่เราก็ควรใช้เทคโนโลยีให้ถูกต้องและเหมาะสมด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเดือนร้อนนะคะ
การใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้อง
- เปิดวิทยุเสียงดังพอประมาณ ทำให้ได้รับความเพลิดเพลิน
- ขับรถด้วยความระมัดระวัง ทำให้ชีวิตาปลอดภัย
การใช้เทคโนโลยีที่ไม่ถูกต้อง
- เปิดวิทยุเสียงดังมากรบกวนผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเกิดความรำคาญ
- ขับรถประมาท ทำให้เกิดอุบัติเหตุ อาจสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้
2. กระบวนการเทคโนโลยี
การนำกระบวนการของเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบ สร้าง และพัฒนาของใช้ มีดังนี้
กระบวนการเทคโนโลยี
1. ค้นหาปัญหาหรือสาเหตุ
2. คิดหาวิธีแก้ปัญหาและเลือกวิธีที่ดีที่สุด
3. ออกแบบและปฏิบัติตามแนวทางที่คิดไว้
4. นำไปใช้และปรับปรุงแก้ไข
3. ความสำคัญและประโยชน์ของกระบวนการเทคโนโลยี
กระบวนการเทคโนโลยีมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อการทำงาน ดังนี้
1) ช่วยให้ได้งานที่มีความสวยงาม ทั้งรูปร่าง รูปทรง โดยอาศัยวิธีการออกแบบในลักษณะต่าง ๆ
2) ช่วยให้ได้สิ่งประดิษฐ์ที่เกิดประโยชน์ และสามารถนำไปใช้ได้จริง เพราะว่ามีการออกแบบและปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น
3) ทำให้เกิดการหมุนเวียนของทรัพยากร โดยนำทรัพยากรที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่
4) ช่วยให้ทำงาน และพัฒนางานประดิษฐ์อย่างเป็นขั้นตอนตามลำดับและได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพ
4. การออกแบบ สร้าง และพัฒนาของใช้
เราสามารถนำกระบวนการเทคโนโลยีมาใช้ในการประดิษฐ์ของใช้ได้ เช่น
1. หาปัญหาหรือสาเหตุ ต้องการถุงใส่ของ เพราะกระเป๋านักเรียนไม่สามารถใส่ของที่ต้องการ
นำไปโรงเรียนได้หมด
2. คิดหาวิธีแก้ปัญหา o ซื้อถุงกระดาษมาใส่
และเลือกทางที่ดีที่สุด o ขอถุงพลาสติกจากแม่ค้า
þ ประดิษฐ์ถุงผ้าใส่ของ
3. ลงมือปฏิบัติตามแนวทาง ประดิษฐ์ถุงผ้าใส่ของ
ถุงผ้าใส่ของ
วัสดุ – อุปกรณ์
1. เสื้อยืดที่ไม่ใส่แล้ว 1 ตัว
2. สายผ้าสำหรับทำหูถุง
3. เข็ม ด้าย
4. กรรไกร
วิธีทำ
1. นำเสื้อมาตัดตรงส่วนแขนและคอออก แล้วกลับเอาด้านในออก
2. เย็บริมผ้าด้านที่ตัดออกให้เป็นก้นถุง พลิกผ้าเอาด้านนอกออกจะได้ตัวถุง นำสายผ้ามาเย็บเป็นส่วนหูของถุง จะได้ถุงผ้าสำหรับใส่ของที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ และยังมีลวดสายแปลกใหม่ สวยงาม นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553
5.องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
|
เนื้อหา[ซ่อน] |
4.หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์
หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์การออกแบบมีหลักการพื้นฐาน โดยอาศัยส่วนประกอบขององค์ประกอบศิลป์ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในบทเรียนเรื่อง “ องค์ประกอบศิลป์ ” คือ จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก สี และพื้นผิว นำมาจัดวางเพื่อให้เกิดความสวยงามโดยมีหลักการ ดังนี้1. ความเป็นหน่วย (Unity) |
3.วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 หลายคำถามเกี่ยวกับ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข จึงได้เร่งรณรงค์ให้ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่ม เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ประจำปี 2010 ฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ตุลาคม 2553 ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ โดยวัคซีน 1 เข็ม ครอบคลุมโรคไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไข้หวัดใหญ่ชนิด B และไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ H3N2 (ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล) วันนี้กระปุกดอทคอม จึงมีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ประจำปี 2010 มาบอกกันค่ะ
ใครคือบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่ควรฉีดวัคซีน
1. หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 7 เดือนขึ้นไป
2. คนอ้วนน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป
3. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
4. บุคคลอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้น หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งอยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด เบาหวาน ธาลัสซีเมีย ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันผิดปกติ
5. ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
6. เด็กอายุ 6 เดือน - 2 ปี
7. บุคลากรสาธารณสุขและผู้มีหน้าที่กำจัดซากสัตว์ปีก
ทั้งนี้ สำหรับบุคคลที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง สามารถติดต่อสอบถามไปยังโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ทั้งของรัฐบาลและเอกชนที่ให้บริการ เพื่อขอฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อวัคซีน 1 เข็มแตกต่างกันตามแต่ละโรงพยาบาล
ข้อห้ามในการฉีดวัคซีน
ผู้ที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ คือ
ผู้ที่มีอาการแพ้ไข่ หรือโปรตีนจากไก่ หรือไข่
ผู้ที่เคยแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
ผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง
เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน
ผู้ที่กำลังมีไข้ หรือมีการติดเชื้ออย่างเฉียบพลัน
ผู้ที่มีอาการโรคประจำตัวกำเริบ ไม่สามารถควบคุมได้
แต่หากเป็นหวัดเล็กน้อย และไม่มีไข้ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้
ช่วงเวลาที่เหมาะในการฉีดวัคซีน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนฤดูผล ก่อนเกิดการระบาดของโรค และช่วงก่อนฤดูหนาวในเดือนตุลาคม โดยวัคซีนนี้ต้องฉีดซ้ำทุก 1 ปี เนื่องจากแต่ละปีเชื่อไวรัสจะมีการกลายพันธุ์ จึงต้องมีการผลิตวัคซีนขึ้นมาใหม่ทุก ๆ ปี
วัคซีนสามารถป้องกันได้เมื่อไหร่
หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว จะต้องใช้เวลา 2-3 อาทิตย์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไข้หวัดใหญ่ชนิด B และไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ H3N2 (ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล) แต่วัคซีนนี้ไม่สามารถป้องกันไข้หวัดที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่น ๆ หรือโรคหวัดทั่วไปได้
อาการหลังฉีดวัคซีน
ผู้ที่ฉีดวัคซีนบางคนอาจมีอาการบวมแดง ปวด เป็นตุ่มนูนบริเวณที่ฉีด บางคนอาจเป็นไข้ มีอาการปวดเมื่อยตามมา แต่จะหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่หากใครเกิดอาการหายใจไม่สะดวก เสียงแหบ หายใจเสียงดัง เกิดลมพิษ หน้าซีดขาว อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนศีรษะ ให้รีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจแพ้วัคซีนดังกล่าว
หากเคยฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 มาก่อน จะฉีดวัคซีนตัวนี้ได้อีกหรือไม่
สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ได้อีก เนื่องจากเมื่อฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไปแล้ว ร่างกายจะมีภูมิต้านทานอยู่ได้ประมาณ 6 - 12 เดือน หากฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์เข้าไปอีก จะช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย
2.ความปลอดภัยในชีวิต
ความปลอดภัยในชีวิต
ปัจจัยเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
และความปลอดภัย
ปัจจัยเสี่ยง หมายถึง
องค์ประกอบด้านกายภาพ สังคม หรือสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
ชีวิต หรือทรัพย์สิน พฤติกรรมเสี่ยง หมายถึง
การกระทำของบุคคลที่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต หรือทรัพย์สิน
ในปัจจุบันโลกมีความเจริญขึ้นแต่ความปลอดภัยกลับลดน้อยลง
ทั้งนี้เพราะมีปัจจัยเสี่ยงต่อพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพความปลอดภัยมากมายในที่นี้จะขอนำเสนอเพียงบางส่วนซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อชีวิตคนเรา
1.
พฤติกรรมสุขภาพ เป็นการปฏิบัติตนที่มีผลต่อสุขภาพ หากปฏิบัติตนไม้เหมาะสมจะทำ
ให้สุขภาพเสื่อมลง เช่น การไม่ออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การใช้สารเสพติดการสำส่อนทางเพศ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การไม่ระวังโรคติดต่อ
เป็นต้น
2.การสัญจร โดยพาหนะทั้งที่เป็นรถยนต์รถจักรยานยนต์ รถไฟ เรือ
เครื่องบิน เป็นต้น
ยิ่งมีการสัญจรเดินทางมากอุบัติเหตุก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
3.สิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันมีมลพิษมากมากทำให้สิ่งแวดล้อมแย่ลง ดังนั้น
คนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีขยะส่งกลิ่นเหม็น น้ำเน่า อากาศเป็นพิษ
มีพวกมิจฉาชีพมากสารเสพติดแพร่ระบาดมาก
ใกล้โรงอุตสาหกรรมสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดอันตารายต่อสุขภาพและชีวิตมากพอสมควร
4. การอุปโภค
คือการใช้สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆปัจจุบันมีเครื่องอุปโภคที่แฝงไว้ด้วยพิษภัย
หลายอย่าง เช่น เครื่องสำอาง เตาแก๊ส เครื่องใช่ไฟฟ้า เป็นต้น
ซึ่งถ้าไม่รู้จักเลือกใช้หรือใช้ไม่ถูกต้องก็เป็นอันตรายได้เหมือนกัน
5.การบริโภค ปัจจุบันอาหาร การกิน มีสารพิษปนเปื้อนมากมาย เช่น
ขนมผสมสีย้อมผ้า ปลาเค็มฉีดดีดีที ปลาสด แช่สารฟอร์มาลีน ผักมีสารพิษ
สิ่งเหล่านี้ เข้าไปสะสมในร่างกายจนถึงระยะหนึ่งเมื่อ
สะสมมากขึ้นจะทำไห้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติ
โรคภัยไข้เจ็บจะเบียดเบียนทำให้ผู้บริโภคเกิดความไม่ปลอดภัย
6.
อุบัติเหตุในบ้าน การใช้ชีวิตอยู่ในบ้านก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน
อ้างอิง:http://www.thaigoodview.com/node/52146
1.สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ และช่วยให้ลำไส้ทำงานได้สะดวกวิธีทำ ใช้ใบกะเพราตากแห้งสนิท ประมาณ 1/2 ถ้วย น้ำมะนาวสด น้ำตาลทรายแดง เกลือป่น และน้ำสะอาด 2-4 ถ้วย ต้มน้ำให้เดือด ใส่ใบกะเพราตากแห้ง เคี่ยวไปประมาณ 10 นาที เติมน้ำตาลทรายแดง พอน้ำตาลละลายยกลง ใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำ (ควรใส่ภาชนะเคลือบที่ใช้อุ่นไฟได้เพื่อเอาไว้อุ่นดื่มร้อนๆ) เวลาดื่มเติมรสชาติด้วยน้ำมะนาวสด และเกลือตามชอบ
อ้างอิง:http://www.samunpri.com